“พระนอนตาหวาน”…ที่สง่างามปางไสยาสน์ ที่ว่ากันว่าต้องไปเยือนกันให้ได้สักครั้งหนึ่ง ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ “วัดไทยวัฒนาราม” ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก นับว่าเป็นวัดที่งดงามอีกหนึ่งวัดในแม่สอด ที่สร้างด้วยศิลปะแบบวัดในพม่า
งดงามด้วยสีเหลืองทองอร่ามวิจิตรงดงาม โดยวัดแห่งนี้เดิมมีชื่อว่า…“วัดแม่ตาวเงี้ยว” หรือ “วัดไทยใหญ่” สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2400
ภายในวิหารประดิษฐาน “พระพุทธมหามุนี” พระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่ององค์ใหญ่ ซึ่งจำลองมาจากพระพุทธมหามุนีองค์จริง ที่เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาว
จังหวัดตากศรัทธาเลื่อมใสกันมาก…นอกจากพระพุทธมหามุนีแล้ว ภายในพระวิหารยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปลักษณะต่างๆ ตามอิทธิพลของศิลป วัฒนธรรมแบบไทยใหญ่ให้สักการะ
น่าสนใจว่าวัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นที่รวบรวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทั้ง “ชาวไทย” และ “ชาวพม่า” นิยมไปกราบไหว้…ซึ่งภายในวัดได้ประดิษฐานพระพุทธมหามุนี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่จำลองมาจากพระพุทธมหามุนีอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวเมืองมัณฑะเลย์
ที่ขาดไม่ได้แน่นอนว่าจักต้องไปสักการะองค์ “เทพทันใจ” รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่ตั้งอยู่ภายในศาลาด้านหน้า…เทพทันใจองค์นี้ได้ชื่อว่าเป็นอีกจุดที่ผู้คนมากศรัทธาที่เปี่ยมล้นเดินทางเข้ามาขอพรกราบสักการะแล้วก็มักจะสมหวังกันแทบทุกราย ไม่ว่า…จะเป็นเรื่องการเงิน การงาน ความรัก ค้าขาย โชคลาภ
เล่าลือกันหนาหูด้วยว่า…โดยเฉพาะเรื่องเงินๆทองๆ องค์เทพท่านบารมีแรงยิ่งนัก…จัดเสริมดวงให้ชีวิตราบรื่นในทุกๆด้าน “เทพทันใจ”… ขอเงินขอทอง ความรัก และค้าขาย
การสักการะนั้นต้องสักการะด้วยดอกไม้ผลไม้ ได้แก่ มะพร้าวอ่อน กล้วย ขั้นตอนการขอพรคือให้นำธนบัตรจำนวน 2 ใบใส่ไว้ที่มือท่าน จากนั้นก็อธิษฐานขอพรแล้วดึงกลับคืนมา 1 ใบ เพื่อเก็บรักษาไว้ สุดท้ายให้เอาหน้าผากของคุณไปแตะกับนิ้วชี้ของท่าน เพื่อให้พรสัมฤทธิผลรวดเร็วทันใจยิ่งขึ้น
ส่วนการอธิษฐานขอพรต่อเทพทันใจมีเคล็ดลับด้วยว่า ต้องขอเพียงข้อเดียวเท่านั้น เพื่อพลังกล้าแข็งในการถวายเครื่องเซ่น…ห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาด!
ส่วนท่านใดที่ต้องการเช่าบูชาเหรียญเทพทันใจและเทพมหามุนี ทางวัดก็ได้ทำการปลุกเสก เพื่อความเป็นมงคล ส่งผลให้ผู้ที่มีไว้ครอบครองได้สมกับที่ตั้งใจ จัดให้ในส่วนของการบูชา โดยทางวัดจะนำรายได้ไปบูรณะและสร้างสิ่งมงคลให้บังเกิดกับวัดอีกเช่นกัน
จากเหนือย้ายลงใต้ ตรงดิ่งไปที่ “วัดหุบตาโคตร” ตำบลสามร้อยยอด อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ใครที่ได้ไปเยือนแล้วก็ต้องไม่ลืม ไม่พลาดที่จะแวะไปไหว้ “เทพทันใจ” หรือ “นัตโบโบจี”
พลิกแฟ้มข้อมูล “นัต” หรือ “เทพเทวารักษ์ผู้คุ้มครอง” นั้นคนพม่าเคารพนับถืออันสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งแต่ครั้งเก่าก่อนพุทธศาสนาจะเข้ามา โดยเทพที่จะถูกจัดว่าเป็นนัตนั้นมักจะเป็นคนที่เคยสร้างความดี หรือมีวีรกรรมน่าประทับใจและมาตายแบบที่เรียกว่า…“ตายโหง”
ทำให้วิญญาณยังมีความห่วงใยในภาระหน้าที่บ้านเมืองและผู้คนเบื้องหลังทำให้ไม่อาจไปเกิดได้ จึงเป็นนัตที่จะคอยคุ้มครองรักษาบ้านเมืองหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
นัตในเมืองพม่า สำหรับคนไทยจะรู้จักกันดีคือ “นัตโบโบจี” หรือ “เทพทันใจ” แห่งวัดโบดาทาวน์ ด้วยเหตุที่ท่านสามารถดลบันดาลพรให้แก่ผู้ทุกข์ร้อน ที่เข้าไปอธิษฐานขอพรจากท่านได้ผลรวดเร็วทันใจ
ผู้คนจึงขนานนามท่านว่า “เทพทันใจ”
ส่วนคำว่า “โบโบจี” นั้นไม่ใช่ชื่อเฉพาะของนัตองค์ใด แต่เป็นคำกลางเรียกนัตผู้ชายที่เป็นที่เคารพนับถือคล้ายกับคำว่า “เจ้าพ่อ” หรือ “เจ้าปู่” ที่คนไทยใช้เรียกอารักษ์แบบไทยๆนั่นเอง
สำหรับวิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ…
“นัตโบโบจี” เมื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปรารถนาก็ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย หรือผลไม้อื่นๆมาสักการะ
มีความเชื่อ ศรัทธากันว่า…เทพทันใจจะชอบมาก
จากนั้น…ก็ให้เอาเงิน ไม่ว่าจะเป็นเงินบาท เงินจ๊าด หรือดอลลาร์ก็ได้ แต่แนะนำว่าให้ใช้เงินบาทดีกว่าเพราะเราเป็นคนไทย แล้วก็เอาไปใส่มือของเทพทันใจสัก 2 ใบ
เมื่อไหว้ขอพรเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้ดึงกลับมา 1 ใบ…เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของเทพทันใจ แค่นี้…ท่านก็จะให้สมตามความปรารถนาที่ได้ขอพรไว้
คำบูชา “องค์เทพทันใจ” ตั้งนะโม 3 จบ โอม สิทธิการิยะ ข้าแต่ท่านท้าวเทพทันใจ โสโสมะมา จิตตะภะวัง มหาลาภัง อิติพุทธัสสะ สุวรรณนังวา ราชาตังวา มณีวา ธะนังวา ภีชังวา อัตถังวา ปัตตังวา
เออิเอหิ อาคัจฉายะ อิติ ปรารถนาอันใดพึงสำเร็จมา นะมามีมา มหาลาโภ เทวะราชะ
กะนัง เชยยะ เชยยะ ภะวันตุเม
OOOO
กิเลสมาร “มาร” คือ “กิเลส”…กิเลสชื่อว่าเป็นมารเพราะกำจัดขัดขวางมิให้บุคคลกระทำความดี ทำให้บุคคลทั้งหลายต้องได้รับความทุกข์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ วัดอโศการาม ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า…
“ผู้มีปัญญาจะต้องเดินอยู่ในกึ่งกลาง…ฝ่ายหนึ่งเพ่งถึงส่วนความไม่ดี ฝ่ายที่สองเพ่งถึงความดี… ความดีและความไม่ดีนี้เป็นความจริงที่จะต่อสู้อยู่ด้วยกัน ตัวเราเองก็จะต้องเป็นผู้ยืนอยู่ในระหว่างกลาง เป็นหลักกลาง เป็นผู้วินิจฉัยเรื่องราวเหล่านั้น ให้เกิดความไม่รังเกียจ…”
“ศัตรู” ก็ตามเมื่อสนิทสนมกันนานเข้าก็กลายเป็นเพื่อน กลายเป็นมิตร กลายเป็นคนใช้ก็ได้ กลายเป็นทาสก็ได้ เมื่อเราพิจารณาเห็นอย่างนี้มันก็เกิดประโยชน์ เกิดประโยชน์ได้สองนัย หนึ่ง…เป็นประโยชน์แก่ตัวเราเอง สอง…เป็นประโยชน์แก่มาร…ใครที่รู้ตัวว่ามีมารอยู่ในใจจึงควรต้องรีบกำจัดมารออกไปเสียให้สิ้น
“ศรัทธา”…นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้…“ลบหลู่”.
แหล่งที่มา : https://thairath.co.th/lifestyle/culture/2351432