‘นักวิชาการ’ อึ้ง! ชาวพุทธเชื่อลัทธิอุบาทว์ ให้กินอึ กินฉี่ ขี้ไคล จวกคณะสงฆ์ไม่กล่อมเกลา พัฒนาพระปฏิบัติดี แนะดึงงบให้ ‘หมอปลา’ ปราบพระนอกรีต

ความคืบหน้าหลังจาก นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา มือปราบสัมภเวสี พร้อมทีมงานประสาน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และ พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร เข้าตรวจสอบสำนัก (ฤๅษี) ปฏิบัติธรรมปลัด ตั้งอยู่กลางทุ่งป่าในพื้นที่หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการกักขังผู้มาปฏิบัติธรรมและรักษาโรคโดยวิธีการแบบแปลกประหลาด ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นกระท่อมไม้ชั้นเดียว มุงด้วยใบหญ้าคา ภายในมีข้าวของวางรวมกองสูงไว้ นอกจากนี้ ยังมีชายหญิงตั้งแต่วัยกลางคนไปถึงผู้สูงอายุมากกว่า 30 คน นั่งรายล้อมชายชราผมยาว ไม่สวมเสื้อ ที่บรรดาผู้มาปฏิบัติธรรมพากันเรียกว่า “พระบิดา” ซึ่งประชาชนที่มาทุกคนจะไม่ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่อย่างใด พร้อมบอกว่าหากอยู่ในสำนักภายใต้การปกครองของพระบิดาแห่งนี้แล้ว โรคโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายกับพวกเขาได้นั้น

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ผศ.ดร.ชาญณรงค์ บุญหนุน อาจารย์ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องประหลาด แต่เรื่องนี้สามารถอธิบายได้หลายมิติ ซึ่งในมิติเชิงโครงสร้างเรื่องนี้ถือเป็นมรดกทางความเชื่อของพระพุทธศาสนา ที่เชื่อว่าพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะมีความศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งใดที่ออกมาจากร่างกายพระเกจิเหล่านี้จะถือว่ามีความวิเศษ อาทิ หมากที่พระเกจิเคี้ยวแล้วถ่มออกมา บรรดาลูกศิษย์หรือพุทธศาสนิกชนจะนำมาเคี้ยวต่อเพื่อรักษาโรค หรือเก็บไว้บูชา เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กรณีนี้ก็คล้ายกัน แต่ประหลาดตรงที่ให้กินอึ กินฉี่ และขี้ไคล

“เรื่องนี้ไม่ใช่พุทธศาสนิกชนขาดความรู้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องระบบที่ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงสาธารณสุขได้ทุกคน อีกทั้งยังเป็นระบบที่เน้นแต่การรักษาไม่เน้นการให้ความรู้ว่าอึ ฉี่ ขี้ไคล ที่ขับถ่ายออกมาจากร่างกายเป็นเชื้อโรค ไม่สามารถกินได้ หากมองในแง่โครงสร้าง ตัวศาสนาพุทธไม่สามารถพัฒนาให้สมาชิก หรือพระสงฆ์ในการดูแลได้เข้าหลักธรรม คำสอนและพระธรรมวินัยที่ถูกต้องได้อย่างแท้จริง คนเหล่านี้เมื่อบวชเข้าไปในพระพุทธศาสนาแล้วก็จะประพฤติปฏิบัติตามความเชื่อของตัวเอง ถือเป็นความรับผิดชอบของคณะสงฆ์ที่ไม่สามารถกล่อมเกลาสมาชิกของตัวเองได้ ทำให้เกิดความเชื่อแบบผิดๆ เป็นระบบของพระพุทธศาสนาบ้านเราที่ยังไม่ดีพอ ไม่สามารถพัฒนาพระสงฆ์ให้ปฏิบัติดี ปฎิบัติชอบได้” ผศ.ดร.ชาญณรงค์กล่าว

นายสมฤทธิ์ ลือชัย นักวิชาการอิสระผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอุษาคเนย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหา เพราะสิ่งที่เจ้าสำนักเอามาให้คนกินเป็นสิ่งที่ไม่ควร ดังนั้น จึงสะท้อนว่า เวลาที่พูดกันว่าสังคมไทยเป็นเมืองพุทธ จึงไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเหตุการณ์นี้พิสูจน์แล้วว่า พระพุทธศาสนาไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้กับคนได้ ดังนั้น แทนที่จะไปโจมตีฝั่งเจ้าลัทธิฝ่ายเดียว พระพุทธศาสนาควรหันกลับมาดูตัวเอง ทั้งนี้ แต่ละปีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาจะได้รับงบประมาณกว่า 5 พันล้านบาทต่อปี ในการดูแลกิจการ กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา แต่กลับปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็ต้องย้อนกลับมาดูว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานผิดพลาดจนเกิดเป็นลัทธิอุบาทว์ขึ้นและปล่อยนานถึงขั้นผู้นำชุมชนและผู้ว่าราชการจังหวัดเองยังไม่รู้เรื่องดังกล่าว

“ผมเองมีความเชื่อว่าหน่วยงานที่ดูแลกิจการ กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาไม่สามารถดูแลเรื่องเหล่านี้ได้ ดังนั้น บริษัท 4 คือ ภิกษุ, ภิกษุณี, อุบาสก และอุบาสิกา ต้องคอยสอดส่อง ปกป้องพระพุทธศาสนาด้วยตัวเอง อย่างเช่นกรณีนี้ก็มีชาวบ้านที่เดือดร้อนไปร้องเรียน นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา มือปราบสัมภเวสี สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนไม่เชื่อมั่นในหน่วยงานภาครัฐ คำถามที่ย้อนกลับไปคือ 5 พันล้านบาทต่อปี ที่ให้หน่วยงานเหล่านี้นำไปบริหารจัดการมีประโยชน์หรือไม่ หากภาครัฐทำไม่ได้ก็ให้เอาเงินไปให้หมอปลาทำงานกำจัดพระนอกรีตในสังคมจะเกิดประโยชน์มากกว่า” นายสมฤทธิ์กล่าว

แหล่งที่มา : https://www.matichon.co.th/education/religious-cultural/news_3333789

แชร์โพสนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *